Player one ready เมื่อโลกเสมือนจริงน่าอยู่กว่าโลกจริง

รวบรวมข้อมูลภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่น่าสนใจ

Player one ready เมื่อโลกเสมือนจริงน่าอยู่กว่าโลกจริง

May 17, 2018 movie inter 0

ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากความมันอันเต็มพิกัด จะยังพาคุณย้อนไปในยุค 80s ให้หวนคิดถึงอดีตกันจนอิ่มใจ! ถึงแม้ดูตัวอย่างผ่านๆ Player one ready จะสร้างมาเพื่อคอเกมทั้งหลาย แต่ความจริงแล้วคนที่ไม่ได้คลุกคลีกับเกมแต่ชอบภาพยนตร์ , เพลง , การ์ตูน รวมทั้งวัฒนธรรมในยุค 80s ก็สามารถอินได้อย่างไม่ยาก

Player one ready ผลงาน Action Sci-fi  เรื่องใหม่ของผู้กำกับระดับตำนานอย่าง Steven Spielberg งานดัดแปลงจากนิยายขายดีของ Ernest Cline ชายผู้หลงใน Pop culture เนื้อเรื่องคร่าวๆ เรื่องราวพูดถึงโลกอนาคต ถึงแม้เทคโนโลยีจะก้าวล้ำ แต่โลกของความเป็นจริงทุกอย่างกลับมีสภาพอันย่ำแย่ จึงทำให้ผู้คนหนีจากความเสื่อมโทรม เข้าไปอยู่ใน Virtual reality  ในโลกนั้นคุณจะสามารถเป็นใครก็ได้ เลือกได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทรงผมสุดจ๊าบแค่ไหน ,  ผิวสีอะไร , เพศอะไร ตัวใหญ่หรือเล็ก หรืออยากอยู่ในสภาพมนุษย์ต่างดาวก็ยังได้ โลกนี้มีชื่อว่า ‘OASIS’ แต่แล้วผู้สร้างที่เป็นเหมือนไอดอลของใครหลายๆคน กลับเสียชีวิตลง แต่ก่อนที่เขาจะตายเขาได้ประกาศว่า จะยก ‘OASIS’ ที่มีมูลค่ามหาศาลให้แก่ผู้ที่สามารถค้นพบ Easter egg ที่ซ่อนอยู่ในเกมได้ วิธีการคือ ผู้เล่นต้องหากุญแจ 3 ดอกซึ่งซ่อนอยู่ในโลก Virtual reality แห่งนี้ให้ครบ

เด็กชายวัยรุ่นผู้เป็นกำพร้า Wade Watts พระเองของเรื่องเป็นผู้คลั่งไคล้ในตัวผู้สร้างขั้นสุด เรียกได้ว่าเป็นติ่งเลยทีเดียว เขาค้นพบเบาะแสในเกมซึ่งซ่อนอยู่และเขาเป็นผู้ค้นพบมันคนแรก !! Wade Watts มีความมุ่งมั่นว่าอยากเป็นผู้ชนะของ OASIS ให้จงได้

นอกจากเนื้อเรื่องอันน่าสนใจแล้ว สิ่งที่ทำให้ Player one ready ได้รับกระแสจากคนดูอย่างล้นหลามนั้น มาจากการใส่เกม , ภาพยนตร์ , เพลง , การ์ตูน รวมทั้งวัฒนธรรมในยุค 80s มาเกือบทุกฉาก!! ใส่มาอย่างจัดเต็ม นี่คือความสนุกอีกอย่างที่ผู้ชมจะได้มองหาตัวละครหรือส่วนประกอบซึ่งคุ้นเคยในอดีต หวนให้นึกถึงความหลัง จนอดน้ำตาซึมไม่ได้ นอกจากนี้แล้วยิ่งตอนใกล้จบคุณจะพบกับความพีคอันน่าตกตะลึง !! ถึงกับต้องอุทานออกมาจนไม่อายคนข้างๆ อีกทั้งตัวภาพยนตร์ถึงจะทำออกมาเอาใจคนเล่นเกมเป็นหลัก แต่ก็สอดแทรกสาระและส่งสารบางอย่างซึ่งตอกย้ำไม่ให้ผู้คนหลงลืมโลกแห่งความจริง เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี ความยาวของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 2 ชั่วโมง 20 นาที แต่ไม่มีฉากไหนทำให้รู้สึกเบื่อหรือยืดยาดแม้แต่น้อย พอดูจบแทบจะลุกขึ้นมาปรบมือคารวะผู้เขียน และทุกคนที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดมาจริงๆ